พัดลมเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้กันมากที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับอุตสาหกรรม การนำไปใช้งานก็ไม่ยุ่งยากเมื่อเปรียบเทียบกับอุปกรณ์เครื่องจักรอื่นๆ ในโรงงาน แต่อาจจะเป็นเพราะว่าพัดลมเป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างง่ายนี่เอง จึงทำให้มักถูกมองข้ามอยู่เสมอและในบางครั้งถูกนำไปใช้อย่างไม่ถูกวิธี ทำให้ได้ผลที่ได้จากการใช้งานต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งๆที่การเลือกชนิดพัดลมที่ถูกต้อง และการติดตั้งพัดลมที่ถูกต้องนั้นต้องมีหลักการพิจารณาที่ไม่ยากเลย
ในอุตสาหกรรมพัดลมถูกใช้ในการระบายอากาศ ,การปรับอากาศ ,เครื่องฟอกอากาศ ,คูลลิ่งทาวเวอร์ ,หม้อไอน้ำ , ระบบระบายความร้อนของเครื่องอัดอากาศเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ,เครื่องทำความเย็น ,เครื่องทำความร้อน ,เครื่องเก็บฝุ่น ,ระบบส่งวัสดุและอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ในเมื่อพัดลมเกี่ยวข้องกับเรามากถึงเพียงนี้ เราก็ไม่ควรจะมองข้ามอุปกรณ์ชิ้นนี้ไป ท่านแน่ใจหรือไม่ว่า ท่านได้ใช้พัดลมในโรงงานของท่านอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว
Centrifugal เหมาะสำหรับการติดตั้งในระบบที่ต้องใช้ความดันลมลมสแตติก 0.5 นิ้วน้ำขึ้นไป พัดลมแบบนี้ยังแบ่งออกเป็นชนิดต่างๆ ตามลักษณะใบพัดได้ ดังนี้ คือ
Radial blade เหมาะสำหรับการขนส่งวัสดุ (Pneumatic conveyor) พัดลมที่มีใบพัดลักษณะนี้เน้นที่การใช้งานกับอากาศที่มีฝุ่นมาก และมีประสิทธิภาพต่ำ
Forward curve เหมาะสำหรับงานที่ต้องการค่าความกดดันของอากาศหรือแก๊ส มีค่าต่ำจนถึงปานกลาง (0-6 นิ้วน้ำ) สามารถใช้กับงานที่มีลักษณะการก่อสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรงเท่าใดนัก เนื่องจากพัดลมชนิดนี้จะไม่ก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนในขณะใช้งาน, ถ่ายทอดกำลังงานด้วยล้อและสายพาน ซึ่งจะต้องทำการปรับแต่งให้ได้ความเร็วรอบที่ถูกต้อง ในขณะทำงานจะมีเสียงเบากว่าพัดลมชนิดต่างๆ และราคาประหยัด
Airfoil เหมาะสำหรับปริมาณลมมาก และความดันลม 4 นิ้วน้ำขึ้นไป มีประสิทธิภาพสูงมาก แต่ราคาแพงและมีเสียงดัง
Backward curve เหมาะสำหรับงานที่ต้องการค่าความกดดันของอากาศหรือแก๊สมีค่าสูง (0-12 นิ้วน้ำ) ใช้กับงานที่มีลักษณะการก่อสร้างที่มั่นคงแข็งแรง เนื่องจากพัดลมชนิดนี้ขณะใช้งานจะเกิดการสั่นสะเทือนภายในระบบ, นิยมถ่ายทอดกำลังงานด้วยล้อและสายพาน ซึ่งจะต้องทำการปรับแต่งให้ได้ความเร็วรอบที่ถูกต้อง และมีราคาสูงกว่าพัดลมชนิดต่างๆ
Axial flow เป็นพัดลมที่มีราคาถูกและมีขนาดกะทัดรัดแต่จะต้องตรวจสอบระดับเสียงให้ดีเพราะในขณะทำงานจะก่อให้เกิดเสียงดังมากกว่าพัดลมชนิดต่างๆ การถ่ายทอดกำลังงานส่วนมากจะไม่ใช้ล้อและสายพาน จึงไม่จำเป็นต้องมีการปรับแต่งใดๆ
ปริมาณลม ข้อกำหนดนี้ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานโดยตรง |
ความดันลมสแตติก หรือ Static Pressure คือความดันของพัดลมที่ต้องมีเพื่อเอาชนะแรงเสียดทานต่างๆ เช่น แรงเสียดทานในระบบท่อลม ,แผงกรองอากาศ ,คอยส์ ,และหน้ากากลม ในจำนวนนี้แรงเสียดทานในระบบท่อลม ,แผงกรองอากาศ และคอยส์ คือส่วนที่จะมีผลมากที่สุดแรงเสียดทานในระบบท่อลมโดยทั่วไปจะประมาณเท่ากับ 0.1 นิ้วน้ำต่อความยาว 100 ฟุต และหากรวมแรงเสียดทานของข้องอ ข้อเลี้ยวรวมทั้งหน้ากากลมต่างๆ แล้ว ก็มักจะคูณด้วย 2 เช่น ท่อลมยาว 100 ฟุตก็มักเผื่อความดันลมสแตติกไว้ 0.2 นิ้วน้ำ |
ตารางแสดงแรงเสียดทานของแผงกรองอากาศ
ระดับเสียง ตามมาตรฐานของกระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดว่า ระดับเสียงของเครื่องจักรจะต้องไม่เกิน 85 dBA ในบริเวณที่มีคนงานทำงานประจำ ดังนั้นในการเลือกใช้พัดลม จะต้องคำนึงถึงระดับเสียงด้วยสำหรับงานทั่วไป มักจะนิยมเลือกพัดลมที่มี ระดับเสียงไม่เกิน 65 dBA โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าพัดลมต้องติดตั้งในห้องที่มีผนังเป็นวัสดุแข็ง เช่น ห้องที่ปูกระเบื้องทั้งพื้น และผนัง
2. ตรวจสอบรายละเอียดทางด้านเทคนิคของพัดลมขั้นตอนนี้คือ ขั้นตอนในการตรวจเช็คว่าผู้เสนอราคาพัดลม ได้เสนอราคา พัดลมที่ถูกต้องตามความต้องการหรือไม่ โดยทั่วไปพัดลมส่วนใหญ่จะมี Performance curve หรือ Performance data ในรูปของตารางให้ตรวจสอบ
3. การติดตั้งการติตตั้งพัดลมจะต้องพิจารณาลักษณะการติดตั้งด้วย รวมทั้งจะต้องทราบขนาดของมิติพัดลม เพื่อที่จะได้เตรียมพื้นที่ติดตั้งเพียงพอ รวมทั้งให้สามารถซ่อมเปลี่ยนมอเตอร์ แบริง และสายพานได้โดยสะดวกโดยทั่วไป หากติดตั้งพัดลมอย่าง ถูกต้องแล้ว พัดลมก็นับได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องการดูแลน้อยที่สุดชนิดหนึ่ง
ทางบริษัทฯ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับท่านในอนาคต และได้แสดงฝีมือ ผลงานให้กับท่านอย่างเป็นที่พอใจ
90 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 40/1 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700